รู้หรือไม่ว่า “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” เกิดจากอะไร?
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ พบบ่อยในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย จึงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในร่างกายได้ง่ายกว่า แต่ในบางรายอาจเกิดจากการกลั้นปัสสาวะบ่อย ระบบโครงสร้างของระบบปัสสาวะผิดปกติ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เป็นต้น
อาการใดบ้างที่บ่งบอกว่า คุณกำลังเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
- ปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่า 10 ครั้งต่อวันแบบกะปริบกะปรอย โดยเฉพาะต้องลุกมาปัสสาวะบ่อยมากขึ้นในเวลากลางคืน
- ปัสสาวะแสบขัด
- เมื่อปัสสาวะสุด อาจมีเจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะ
- ในบางรายอาจมีปัสสาวะปนเลือด
การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำด้วยวิธีใดได้บ้าง?
- ซักถามประวัติการเจ็บป่วยและตรวจร่างกายพื้นฐาน
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อหาการติดเชื้อจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจปนอยู่ในน้ำปัสสาวะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เลือด หรือเม็ดเลือดขาว
- หากมีการติดเชื้อ แพทย์อาจส่งน้ำปัสสาวะเพื่อการเพาะเชื้อ
- ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงและเรื้อรัง แพทย์อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องระบบทางเดินปัสสาวะ การส่งตรวจชิ้นเนื้อหรือการถ่ายภาพรังสี เป็นต้น
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รักษาอย่างไรบ้าง?
โดยทั่วไปจะให้รับประทานยาปฏิชีวนะประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะนาน 7-10 วัน
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ป้องกันได้อย่างไร?
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนานๆโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้แบคทีเรียที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตได้ดี
- ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณวันละ 8 - 10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกายโดยเร็ว
- ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังปัสสาวะและอุจจาระเสร็จ ผู้หญิงควรทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ
- ควรทำความสะอาดร่างกายและปัสสาวะทิ้งทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์